ผิวติดสเตียรอยด์..ผิวแพ้สาร คืออะไร
วันนี้จะมาบอกวิธีการแก้ปัญหาหน้าติดสารที่เป็นปัญหาสำหรับใครหลายคน เพราะการที่ผิวติดสารไม่มีใครนั้นอยากจะเจอหรือเกิดปัญหากับตัวเองหรอกใช่ไหม แต่ผู้หญิงอย่างเรา ๆ ก็ต้องหาครีมลอง หาทำไปเรื่อย
แต่ไม่รู้หรอกว่าครั้งไหนจะโชคดีหรือโชคร้ายแล้วโดนเข้ากับผิวหน้าของเรา เพราะงั้นวันนี้จะมาบอกว่าผิวติดสารจะมีทางออกหรือวิธีแก้และดูแลตัวเองยังไงได้บ้าง….
สำหรับผู้ที่มีอาการผิวติดสารปรอทและสเตียรอยด์ โดยสารปรอทจะทำลายเซลล์ผิว ส่วนสเตียรอยด์จะทำลายภูมิคุ้มกัน ทำให้ผิวมีสภาพเปลี่ยนไปจากเดิม เช่น สิวอักเสบ สิวผด ผื่นแดง ผิวบางและไวต่อแสง แสบร้อนเมื่อโดนแสงแดด
ผิวแพ้สารปรอทเป็นแบบไหน
ส่วนมากจะะพบในครีมผิวขาว เพราะทำให้ผิวขาวไวมากใช้เวลาแค่ 1-3 วัน ทำให้พวกเธอก็จะได้ผิวที่ขาวใสสวยงามและนุ่มนวล โดยสารปรอทจะเข้าไปกระตุ้นให้เซลล์แบ่งตัวเร็วขึ้น ยับยั้งการทำงานของเม็ดสีใต้ผิวหนัง ปรอทเป็นโลหะหนัก
แต่เมื่อทาไปสักพักจะเริ่มมีอาการผิวแดง ผิวหน้าบางและไวต่อแสงมากขึ้นจนสังเกตได้ชัด เรียกว่ายังไม่ทันออกแดดหน้าเริ่มคล้ำแล้ว และเมื่อใช้ไปนาน ๆ จะทำให้ผิวหน้าดำไปเลย ทำให้เป็นฝ้าถาวรที่ไม่รักษาให้หายได้อีกเลยน่ากลัวมากนะ….
อาการ
– มีสิวอักเสบ-สิวหนองจำนวนมากเกิดขึ้นมาทุกวัน
– ผิวแดง ผื่นแดง เห็นเส้นเลือดฝอยเด่นชัด หรือมีอาการฝ้าเลือดร่วมด้วย
– ผิวบาง ไวต่อแสง เมื่อโดนแดดจะแสบร้อน
– ผิวไหม้ดำ ฝ้าถาวร ซึ่งกรณีนี้ไม่สามารถรักษาผิวให้หายขาดได้
ผิวแพ้สารสเตียรอยด์เป็นแบบไหน
ส่วนมากจะพบในครีมที่ให้ผิวขาวตัวขาวไวจนน่าตกใจ และครีมแก้สิว ซึ่งผลของการใช้แก้สิวคือจะทำให้เป็น “สิวสเตียรอยด์” เมื่อใช้ไปนานๆ จะทำให้เกิดผิวบาง ไวต่อแสง ผิวอ่อนแอ
รับมลพิษจากภายนอกได้ง่าย ทำให้เกิดผิวแพ้ง่าย
อาการ
– มีตุ่มสีแดงคล้ายสิวขึ้นเป็นแพจำนวนมาก เรียกว่า “ สิวสเตียรอยด์ ”
– ผิวแดง อักเสบ ผิวบางไวต่อแสงออกแดดได้ไม่นานผิวแดงไว
– แพ้ครีมหรือเครื่องสำอางค์ได้ง่าย
– เมื่อหยุดใช้ครีมสเตียรอยด์ ผิวจะพัง แต่ถ้าใช้ต่อผิวจะกลับมาสวยใสปกติ
– เมื่อใช้ไปนานๆ ทำให้ผิวแพ้ง่ายมากและมีโอกาสผิวติดเชื้อสูง
– อาการผิวติดเชื้อจากการใช้สเตียรอยด์นาน ๆ จะทำให้เป็นฝ้าถาวร รักษาไม่หาย
กู้ผิวติดสารด้วย ตัวช่วยสำคัญที่หลายคนไม่ทราบ " Dragon Blood Extract "
ได้ยินชื่อเจ้าสารสกัดตัวนี้ใครหลายๆคนคง งง วันนี้เราจะมาทำความรู้จักเจ้าสารสกัด Dragon Blood Extract กัน หรืออีกชื่อที่เรียกง่าย ๆ ว่า สารสกัดเลือดมังกร ซึ่งยุคนี้สกินแคร์ที่มี Dragon Blood Extract นั้นกำลังได้รับความนิยม
กันอย่างแพร่หลาย ฟังแล้วอาจจะสงสัยเหมือนใช่ไหมว่าเราควรจะเอาสารสกัดเหล่านี้มาสู่ผิวหน้าของเราได้จริง ๆ หรอ ก่อนอื่นเรามาดูกันว่าเจ้าสารสกัดนี้คืออะไรมาจากไหน
สารสกัด Dragon Blood Extract
ต้นเลือดมังกร เป็นยางของต้นพืชมหัศจรรย์ที่ชื่อว่า Croton Lechleri หรือ Sangre de Grado ซึ่งเป็นต้นไม้ขนาดใหญ่ที่อยู่ในป่าอเมซอน แถบประเทศเปรู เรียกอีกชื่อ ต้นเลือดมังกร เมื่อใช้มีดกรีดลงไปบนลำต้น จะมียางดิบสีแดง
คล้ายเลือด หรือที่เรียกว่า เลือดมังกรไหลออกมา ซึ่งยางไม้สีแดงนี่เอง ที่มีคุณสมบัติในการบำบัดรักษา สมานแผล สมานผิว และถูกยกย่องว่าเป็นพืชศาสตร์อันเก่าแก่ที่สืบทอดจากชาวอินคาในอดีต Dragon’s blood extract เป็นวัตถุ
ดิบที่มีประโยชน์ในการช่วยเร่งการสมานแผล ลดการอักเสบ ต่อต้านอนุมูลอิสระ และยังช่วยเป็น Barrier ปกป้องน้ำระเหยออกจากผิวได้ด้วย ว่ากันว่าสีแดงในน้ำยางมาจากสารกลุ่ม Proanthocyanidins ที่พบในองุ่น และ เปลือกสน ก็เป็น
Antioxidant ที่ดีช่วยให้ผิวหน้ามีความกระชับเต่งตึง กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน และอิลาสตินตามธรรมชาติ ลดเลือนริ้วรอย พร้อมป้องกันการเกิดริ้วรอยใหม่ปกป้องผิวจากมลภาวะและต่อต้านอนุมูลอิสระ
Dragon Blood Extract คือ สารที่ช่วยในการฟื้นฟู และสมานผิวเหมาะสำหรับผู้ที่เป็นปัญหาสิวและเป็นแผลบริเวณผิวหน้า
ผิวของเราประกอบไปด้วยจุลินทรีย์หลายล้านชนิดที่อาศัยอยู่ภายในทุกอณูของรูขุมขนโดยที่เรามองด้วยตาเปล่าไม่เห็น เพราะในวันหนึ่งวันเราต้องผเชิญหน้ากับ มลภาวะ ต้องเจอแบคทีเรีย เชื้อโรคต่างๆมากมาย รวมถึงความเสี่ยงจากการแพ้
สารในครีมบางชนิด การเลือกสกินแคร์ที่ดีซักตัวก็ถือเป็นคำตอบที่ดี ลองให้ RED QUEEN Toneup และ WINK DRAGON SOAP ได้ดูแลผิวหน้าของคุณ สนใจสินค้าอื่นๆคลิก
ทำไม Dragon Blood Extract ดีกับผิวอย่างไร ?
เมื่อผิวของเราขาดสมดุล จะเกิดอาการผิวแห้ง แพ้ง่ายมากยิ่งขึ้น ทำให้เกิดผิวอักเสบ การใช้สกินแคร์ที่มีส่วนผสมของ Dragon Blood Extract จะช่วยฟื้นฟูผิวให้กลับมามีสมดุลและแข็งแรงมากขึ้น ถ้าผิวเราแข็งแรงปัญหาทุกอย่างก็ไม่มี
และทำให้ผิวสามารถทนต่อสภาวะสิ่งแวดล้อมที่ทำร้ายผิวได้ดีขึ้น ยังมีผลวิจัยอีกว่า Dragon Blood Extract ช่วยลดการอักเสบของผิว ปกป้องการอักเสบได้อีกด้วย เพราะ Dragon Blood Extract จะช่วยให้ผิวมีสมดุลค่าและช่วยต่อสู้กับ
แบคทีเรียไม่ดีบนผิวของเราได้นั่นเอง